
หากคุณกำลังวางแผนติดตั้ง มอเตอร์ประตูเลื่อน สำหรับบ้าน อาคารสำนักงาน หรือโรงงาน การเลือกมอเตอร์ให้เหมาะกับ “น้ำหนักรั้ว” และ “ระยะการเลื่อน” ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากเลือกผิด อาจเกิดปัญหาได้ทั้งเรื่องความทนทาน ความเร็วในการเปิด–ปิด และอายุการใช้งานของมอเตอร์ในระยะยาว
ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาดูหลักการเลือก มอเตอร์ประตูเลื่อน ที่เหมาะสมกับขนาดรั้ว รวมถึงเคล็ดลับที่เจ้าของบ้านหลายคนมักมองข้าม พร้อมเปรียบเทียบกับ มอเตอร์ประตูม้วน ที่นิยมในอาคารพาณิชย์และโรงงาน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด
มอเตอร์ประตูเลื่อนคืออะไร และต่างจากมอเตอร์ประตูม้วนอย่างไร
มอเตอร์ประตูเลื่อน (Sliding Gate Motor) คือ ระบบขับเคลื่อนประตูแบบรางเลื่อนแนวนอน โดยใช้เฟืองขับเคลื่อนประตูไปตามรางเหล็ก เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่หน้ารั้วไม่มาก และต้องการระบบเปิด–ปิดอัตโนมัติแบบไม่กินพื้นที่
ส่วนมอเตอร์ประตูม้วน (Rolling Door Motor) จะเหมาะกับประตูแนวตั้ง เช่น ประตูโกดัง ร้านค้า หรือโรงรถ เพราะช่วยประหยัดพื้นที่แนวดิ่ง ใช้งานสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยได้ดีในพื้นที่เชิงพาณิชย์
สรุปความแตกต่างสั้น ๆ
- มอเตอร์ประตูเลื่อน: สำหรับรั้วบ้านแนวนอน / เปิด–ปิดแบบเลื่อน
- มอเตอร์ประตูม้วน: สำหรับโรงงานหรือร้านค้า / เปิด–ปิดแนวตั้ง
วิธีเลือกมอเตอร์ประตูเลื่อนให้เหมาะกับน้ำหนักรั้วและขนาดบ้าน
1. ตรวจสอบน้ำหนักรั้วและวัสดุที่ใช้
รั้วเหล็ก รั้วสแตนเลส หรือรั้วอลูมิเนียมมีน้ำหนักต่างกัน ควรเลือกมอเตอร์ที่รองรับน้ำหนักได้มากกว่า “น้ำหนักรั้วจริง” อย่างน้อย 30% เพื่อความปลอดภัย เช่น
- รั้วหนัก 400 กก. → เลือกมอเตอร์รองรับ 600 กก.
- รั้วหนัก 800 กก. → เลือกมอเตอร์รองรับ 1,200 กก.
2. พิจารณาระยะทางการเลื่อนของรั้ว
ยิ่งรั้วยาวมาก มอเตอร์ต้องมีแรงบิดสูงและชุดเฟืองที่ทนทาน เพื่อป้องกันการร้อนสะสมและยืดอายุการใช้งาน โดยทั่วไปบ้านพักอาศัยจะอยู่ที่ 3–5 เมตร ส่วนโรงงานหรือโครงการใหญ่ อาจยาวถึง 10–15 เมตร
3. ความเร็วในการเปิด–ปิด
ความเร็วเฉลี่ยของมอเตอร์ประตูเลื่อนอยู่ที่ 12–18 เมตร/นาที หากต้องการเปิด–ปิดรวดเร็ว เช่น สำหรับสำนักงานหรือคอนโดที่มีรถเข้าออกบ่อย ควรเลือกมอเตอร์เกรด Heavy Duty ที่รองรับการทำงานต่อเนื่อง
4. ระบบเซฟตี้และฟังก์ชันเสริม
เลือกมอเตอร์ที่มีระบบ Auto Stop, Sensor ตรวจจับสิ่งกีดขวาง, และ Manual Release สำหรับกรณีไฟดับ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง
5. ระบบควบคุมและการเชื่อมต่อ
ปัจจุบันมีระบบควบคุมทั้งรีโมท ปุ่มกด และผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน บางรุ่นยังเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home ได้ เช่น Google Home หรือ Alexa เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยขั้นสูง
มอเตอร์ประตูเลื่อนสำหรับบ้าน โรงงาน และโครงการ — เลือกแบบไหนดี
- บ้านพักอาศัยทั่วไป: แนะนำมอเตอร์ขนาด 400–600 กก. รองรับการใช้งานวันละ 10–20 ครั้ง
- บ้านขนาดใหญ่ / โครงการหมู่บ้าน: ใช้มอเตอร์ขนาด 800–1,200 กก. พร้อมระบบเซนเซอร์และรีโมทหลายจุด
- โรงงาน / อาคารพาณิชย์: ควรใช้มอเตอร์ประตูเลื่อนแบบอุตสาหกรรม หรือพิจารณา “มอเตอร์ประตูม้วน” แทนในพื้นที่จำกัด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมอเตอร์ประตูเลื่อน
Q: มอเตอร์ประตูเลื่อนใช้ไฟบ้านได้ไหม?
 A: ได้ครับ ส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้า 220V เหมือนไฟบ้านทั่วไป แต่บางรุ่นมีให้เลือกแบบ 380V สำหรับระบบอุตสาหกรรม
Q: มอเตอร์ประตูเลื่อนกับมอเตอร์ประตูม้วน ต่างกันยังไงเรื่องความปลอดภัย?
A: มอเตอร์ประตูเลื่อนเหมาะกับพื้นที่ภายนอกบ้าน มีระบบเซนเซอร์กันชน ส่วนมอเตอร์ประตูม้วนมักใช้ในพื้นที่ปิดและมีระบบล็อกอัตโนมัติด้านใน
Q: อายุการใช้งานของมอเตอร์ประตูเลื่อนนานแค่ไหน?
A: โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5–10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลบำรุงรักษา ความถี่ในการใช้งาน และสภาพแวดล้อม
เลือกมอเตอร์ประตูเลื่อนให้ถูกตั้งแต่แรก ประหยัดระยะยาว
การเลือกมอเตอร์ประตูเลื่อนให้เหมาะกับน้ำหนักรั้วและขนาดบ้าน ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และช่วยให้บ้านของคุณดูหรูหราทันสมัยยิ่งขึ้น อย่าลืมเลือกติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างเสถียรและปลอดภัยในทุกสภาวะ
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านมอเตอร์ประตูอัตโนมัติ
บริษัท นาวิเกเตอร์ เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ ประตูอัตโนมัติ ประตูรีโมท รั้วไฟฟ้า และกล้องวงจรปิดครบวงจร ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และดูแลหลังการขายโดยทีมงานมืออาชีพ รองรับทั้งบ้านพัก อาคารสำนักงาน และโครงการขนาดใหญ่
Navigator Technology Solution Co.,Ltd
TEL : 085-484-2316
Line Official : @NavigatorAutogate
Facebook : ประตูรีโมท Navigator
Youtube : @NavigatorAutoGate
E-mail : ntscctv@gmail.com
 
         
                                 
  
  
 